หลังจากได้อ่านหนังสือ “ลงทุนแบบ เบน เกรแฮม” ของ อ.นิเวศน์ แล้ว ก็สะดุดโดนใจมากๆ ที่บทหนึ่ง นั่นคือบทที่ชื่อ “โคมไฟดวงแรก”
สาเหตุที่บทนี้โดนใจมากๆ นั่นก็เพราะในบทนี้ได้พูดถึงคนเราจะรวยหรือจนนั้น ขึ้นอยู่กับ “ความสว่าง” ของ “โคมไฟวิเศษ 3 ดวง” รวมกัน โคมไฟดวงแรกคือ “เงินตั้งต้น” โคมไฟดวงที่สองคือ “ผลตอบแทนแบบทบต้นที่เราได้จากการลงทุน” และโคมไฟดวงที่สามคือ “ระยะเวลาของการลงทุน”
คงเป็นธรรมดาที่ในเป้าหมายการลงทุนที่เรามักจะเผลอคิดมุ่งไปที่ผลตอบแทนสูงมากในระยะเวลาอันสั้นมากเป็นหลัก โดยที่อาจลืมคิดวิเคราะห์ถึงความสมเหตุสมผลว่าจะเป็นไปได้ตามเป้าหมายนั้นจริงหรือไม่ และเมื่อเป็นเช่นนั้นเราก็ไม่ต่างกับการตั้งหน้าตั้งตา “เล่นหุ้น” โดยไม่มีหลักชัดเจนว่าจะไปในทิศทางไหน หรือควรจะปรับปรุงวิธีการลงทุนแบบไหน คิดเพียงแต่ว่าอยากได้กำไรเยอะๆ ในเวลาสั้นๆ
แต่เมื่อได้อ่านหนังสือบทนี้แล้ว ทำให้ฉุกคิดขึ้นได้ว่า “โคมไฟดวงแรก” สำคัญที่สุด ซึ่งจะช่วยร่นระยะเวลาถึงเป้าหมายลงได้เป็นอย่างมาก และยิ่งหากเป็นเงินเย็นที่แบ่งส่วนออกมาสำหรับการลงทุนโดยเฉพาะแล้วละก็ จะทำให้การลงทุนมีความสุขและไม่ทำให้ชีวิตต้องเดือดร้อนมากนักในกรณีที่บางครั้งบางสิ่งบางอย่างไม่เป็นไปตามแผนที่คาดการณ์ไว้
ส่วนโคมไฟดวงที่สองคือ ผลตอบแทนแบบทบต้น นั้น เราเองก็จะต้องขยันศึกษาหาความรู้ มีวินัยให้มากในการลงทุน เพื่อให้ผลตอบแทนเป็นไปตามเป้าหมายหรืออย่างน้อยก็ป้องกันการขาดทุน เพื่อให้สามารถยืนระยะในการลงทุนต่อไปได้นานๆ ทั้งนี้ก็จะต่อเนื่องกับโคมไฟดวงที่สามโดยตรง นั่นก็คือ ระยะเวลาของการลงทุน โดยหากเรายิ่งเริ่มลงทุนเร็วเท่าไรก็ยิ่งได้เปรียบ และอย่างที่ทราบกันการลงทุนที่ช้าเกินไปนั้น จะทำอะไรก็อาจยากสักหน่อย เพราะจะต้องระมัดระวังอย่างมากที่จะไม่ให้ขาดทุน เพราะเมื่อลงทุนเมื่อสายหากพลาดไปการกลับตัวก็จะยากแล้ว อายุของเราเองก็เพิ่มขึ้นทุกปี ภาระหลายๆ อย่างก็จะมีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว การที่จะลงทุนแบบมีความเสี่ยงสูงก็คงจะทำไม่ได้แล้ว จะต้องลงทุนแบบระมัดระวัง ซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นตัวฉุดให้ถึงเป้าหมายได้ช้าลงไปกว่าที่ควรจะเป็น
ดังนั้น กล่าวโดยสรุปคือ เราต้องประหยัด อดออม เพื่อหาทุนมาสะสมเข้าเป็นเงินตั้งต้นในโคมไฟดวงแรกไปเรื่อยๆ อย่าหยุดที่จะสะสมเพิ่มทุน ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผลตอบแทนแบบทบต้นแสดงผลออกมาได้เป็นน้ำเป็นเนื้อมากกว่าจะรออยู่กับเงินตั้งต้นตั้งแต่ก้อนแรกเพียงก้อนเดียวครับ