Categories
เรื่องทั่วไป

อายุเข้าเลข 4x แล้ว ได้อะไรมาบ้าง

จะว่าเร็วมั้ย..ก็เร็ว จะว่าช้ามั้ย..ก็ช้า แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้อายุผมย่างเข้าเลข 4x แบบเต็มตัวแล้ว คิดคร่าวๆ ก็ 480 เดือน – 120 ไตรมาส – 2,080 สัปดาห์ – 14,600 วัน

ลองมาซอยย่อยลงสักหน่อยว่าช่วงที่ผ่านมานานนนนี้ ได้ใช้ชีวิตเพื่ออะไร ทำอะไรไปบ้าง และจะทำอะไรต่อไปในอนาคต

แรกเกิด – 6 ปี

ตอนนี้ยังเด็ก เล่นตามประสา ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ซนไปวันๆ จำไม่ได้ว่าเป็นคนซนมากมั้ยแต่จำได้ว่าอบอุ่นมาก ^__^

7 ปี – 12 ปี

เข้าเรียนประถม ต้องเริ่มรับผิดชอบการไปโรงเรียน อ่านหนังสือ ทำการบ้าน ช่วยงานบ้าน (บ้างมั้ง) เริ่มมีการแข่งขันเล็กๆ ที่ต้องรักษาผลการเรียนอันดับต้นของห้อง (ไม่อยากบอกว่าอันดับเท่าไร เดี๋ยวจะหาว่าคุย 555) แข่งกีฬาที่ไม่ค่อยมีทักษะ เนื่องจากเป็นคนค่อนข้างกลัวเจ็บ ไม่ค่อยชอบลุย ชอบ comfort zone และ Safety first ทุกเรื่อง ทำให้กีฬาที่ต้องประทะอย่างฟุตบอลลืมเราไปได้เลย แต่ถึงกระนั้นผู้ชายมีน้อยก็ต้องเป็นตัวแทนกีฬาโรงเรียนแข่งระดับโรงเรียนอยู่ดี 555

13 ปี – 17 ปี (ทำไมไม่ 18 ปี -> เพราะผมไม่ได้เรียน ม.6 ครับ)

ตอนนี้เป็นชีวิตเรียนมัธยมครับ ไม่รู้อะไรดลใจ สมัครเรียนใกล้บ้านแล้ว แต่สุดท้ายตัดสินใจไปเรียนไกลบ้าน ประมาณ 30 กม เพื่อนๆ ประถมเรียนใกล้บ้านกันหมด ต้องมาเช่าบ้านอยู่ใกล้โรงเรียนใหม่ มาเดี่ยว เพื่อนก็ใหม่หมด กลับบ้านสัปดาห์ละครั้ง อันนี้ความรับผิดชอบมาเต็ม ทั้งเรื่องเรียน เรื่องกิน บริหารพอร์ต (เงินที่ได้จากทางบ้าน 555) ไม่มีผู้ปกครองดูแลพฤติกรรม

ช่วงชีวิตนี้แหละที่เป็นช่วงหัวเรี่ยวหัวต่อของผมอย่างแท้จริง เพราะห่างพ่อแม่ควบคุม เลิกเรียนแล้วจะทำอะไรก็ได้ มีมอเตอร์ไซค์ให้ใช้ 1 คัน ถ้ารักดีก็ดี ถ้ารักไม่ดีก็คงเสียไปเลย

นับว่ายังมีบุญเก่าจากการเป็นเด็กขยันเรียนสมัยประถม ทำให้ผมสอบเข้าเรียนได้อันดับ 4 อยู่ห้อง King เพื่อนๆ ในห้องก็เป็นพวกหัวกระทิทั้งนั้น แค่เรียนๆ เล่นๆ ไหลตามน้ำก็ผลการเรียนติด Top 20 ของระดับชั้นแล้ว (ตอน ม.ต้น มี 14 ห้อง x 45 คน = 630 คนในระดับชั้น)

ยอมรับว่าพื้นฐาน (Fundamental) ทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิตทั้งด้านดีและไม่ดีเกิดขึ้นในช่วงเรียนมัธยมนี้แหละ อย่าให้เล่าเลย (หลังไมค์ดีกว่า) ทั้งเรียน ติดเกมส์ กีฬาประทะได้แล้ว การพนัน กิน ดื่ม เที่ยว วีรกรรมอีกมากมาย ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม เพราะชีวิตช่วงนี้มีหน้าที่หลักเรื่องเดียว คือ “เรียนให้จบ” แค่นั้น ชีวิตก็เลยไม่ต้องกังวลหรือมีความกดดันอะไรมากไปกว่าการเรียนให้จบ ดังนั้นไม่ว่าจะเล่น จะเที่ยวยังไง ถึงวันเรียนก็ต้องไปโรงเรียน ไม่ขาดเรียน มีการบ้านส่ง (ใช้คำว่ามีส่ง) อ่านหนังสือวันก่อนสอบ (ถ้านานจะลืม)

และสุดท้ายผมใช้วุฒิ กศน. ที่บังเอิญสมัครเรียนตามเพื่อน แล้วสอบเอนทรานส์ติดมหาลัยตอนอยู่ ม.5 จึงปรึกษาทางบ้านและตัดสินใจที่จะไม่เรียน ม.6 แล้วไปเรียนมหาลัยเลย… ความเสี่ยงที่ต้องรับคือ ถ้าถูก Retire จะทำยังไง ม.6 ก็ไม่จบ แต่ผมคิดว่าผมไหว จึงเสี่ยงไปเรียนเลย (ชอบเสี่ยงไปหรือเปล่า)

(จริงๆ ก็แอบเสียดายเวลา 1 ปีที่ไม่ได้อยู่กับเพื่อนๆ มัธยมที่รักและสนิทกันมาก วีรกรรมเรามันเยอะ)

18 ปี – 22 ปี

ตอนนี้เข้ามหาลัยแล้ว ก็อีกละ ออกมาเดี่ยว เพื่อนๆ ยังอยู่ ม.6 ก็ต้องมาเริ่มใหม่หมด เพื่อนใหม่ ลุยเดี่ยว ช่วงแรกของการเรียนจะมียากหน่อยก็วิชาทางคณิตศาสตร์ เพราะไม่รู้จัก differential, integrate อะไรเลย มันคืออะไร เครื่องหมายก็เพิ่งจะเคยเห็น (มันอยู่ในวิชา ม.6) ทางออกก็คือ เรียนพิเศษ อันนี้ไม่ได้เรียนตามเพื่อนเหมือนตอนมัธยมแล้ว แต่ต้องเรียนเพราะต้องรู้ ไม่งั้นชีวิตปี 1 จบแน่

หลังจากปรับตัวกับปี 1 เริ่มเรียนทันเพื่อนแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เกรดก็ดีขึ้นดูแล้วรอด หมดห่วงไป

ชีวิตมหาลัยนี้ สำหรับผมเองแล้วก็จะเป็นชีวิตที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาหน่อย เนื่องจากเราเคยผ่านประสบการณ์การดูแลตัวเองให้อยู่รอดมาตั้งแต่มัธยมแล้ว เมื่อมาถึงมหาลัยจึงไม่ได้มีอะไรใหม่หรือยากกว่าเดิม

สิ่งที่ดูใหม่กว่าก็จะเป็นเรื่องเรียนเพราะเรียนเฉพาะสาขา การเรียนกับ Lab ก็จะลงรายละเอียดเฉพาะทางมากขึ้น มีเพื่อนกลุ่มใหม่เพิ่มขึ้นจากสมัยมัธยม

23 ปี – 30 ปี

ช่วงชีวิตนี้เป็นช่วงแรกหลังจากเรียนจบ เริ่มทำงาน มีเงินเดือนเป็นของตัวเอง มีรายได้ แต่ยังมีรายจ่ายไม่มากนักเพราะยังไม่ได้เริ่มสร้างหนี้ ดังนั้นจึงเป็นช่วงกิน ช่วงเที่ยว ล้วนๆ แบบค่อนข้างเต็มที่ที่มีคนชวน และชวนคนอื่น 555

เรื่องการเก็บเงินยังไม่ได้คิดเป็นเรื่องเป็นราวในตอนนี้ ยังวัยรุ่น อนาคตยังมองว่าอีกไกลยังมาไม่ถึง จึงยังสนุกกับการเที่ยว ทั้งป่าเขา ธรรมชาติ ดื่ม กิน ทำงาน ยังโชคดีที่พอเก็บเงินได้รถมา 1 คัน (ก็เอาไว้เที่ยวอีกนั่นแหละ) และงานบวช งานแต่งก็เรียบร้อยในช่วงปีนี้ แต่จุดสำคัญหนึ่งของชีวิตผมในช่วงนี้คือ การได้เปิดพอร์ตหุ้นครั้งแรกตอนอายุ 30 ปีจากการชักชวนให้ลองของน้องที่ทำงาน ซึ่งนั่นเป็นการบังคับให้ผมเริ่มรู้จักตลาดหุ้นและการลงทุนไปในตัวตั้งแต่นั้นมา

31 ปี – ปัจจุบัน

มาถึงช่วงนี้แล้วก็แน่นอนแม้ว่าหัวใจจะวัยรุ่นเสมอ แต่ความรับผิดชอบที่แอบเพิ่มมาแบบ Automatic ทุกปี และมีลูกคนแรกแล้ว จึงต้องซื้อบ้านเตรียมเลี้ยงลูกคนแรกและคนที่ 2 ก็ตามมาหลังจาก 4 ปีให้หลัง

ลูกคนโตเข้าอนุบาล กำลังจะเข้าประถม มัธยม มหาลัยตามลำดับ เมื่อมีลูก 2 คน ค่าใช้จ่ายก็คูณ 2 เป็นอย่างน้อย การเตรียมพร้อมเรื่องการเงินจึงเป็นสิ่งที่ต้องโฟกัสมากกว่าช่วงก่อนๆ ของอายุ สิ่งหนึ่งที่ผมมองว่าจะช่วยได้คือ การลงทุนอย่างถูกต้องในความเสี่ยงที่เรารู้จักและรับได้น่าจะช่วยตอบโจทย์การวางแผนชีวิตหลังจากนี้ให้ราบรื่นได้ดี เราจึงควรบริหารเวลาเพื่อมาเรียนรู้ด้านการลงทุนให้ดีขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงในช่วงที่ช่วงชีวิตของเรากำลังก้าวเดินไปในแต่ละวัน

ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่ไม่ได้กล่าวถึง ครอบครัว ญาติมิตร เพื่อนๆ สมัยเรียน ทำงานและทุกๆ คนที่อยู่เบื้องหลัง ที่ทำให้ผมเป็นผมมาได้ทุกวันนี้ ต้องขอบคุณกับสิ่งดีๆ ที่มีให้กันตลอดมาและหวังว่าจะยังได้รับเช่นนี้ตลอดไป

“เพื่อนดีมีหนึ่งถึงจะน้อย ดีกว่าร้อยเพื่อนคิดริษยา” อันนี้จริงที่สุดครับ

มาดูกันว่าอีก 5 ปี 10 ปี ข้างหน้าต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร เดี๋ยวคงได้มาอัพเดทกันอีกครั้งครับ ขอให้ประสบความสำเร็จกับการลงทุนทุกคน 555